Translate

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

รวม Link พุทวจน






        ระบบการทำงานของขันธ์ ๕  มี  รูป,   เวทนา,   สัญญา,   สังขาร,   วิญญาณ,  นี้เรียกว่า ขันธ์๕ หรือสังขารทั้งหลาย...   วิญญาณ เป็นเอกภาวะ  วิญญาณทำหน้าทีเป็นตัวรู้ เป็นผู้รู้ เท่านั้น วิญญาณไปรู้แล้วก็ดับ  ทำหน้าที่รู้เสร็จก็ดับ แล้วเกิดไปรู้ที่ใหม่ รู้แล้วก็ดับ  วิญญาณจะไม่ไปรู้ที่อื่น วิญญาณจะทำหน้าที่รู้อยู่เพียง สี่ ที่เท่านั้น  คื่อ  ๑.วิญญาณจะทำหน้าที่ รู้ที่รูป, ๒.วิญญาณจะทำหน้าที่รู้ที่เวทนา,   ๓.วิญญาณจะทำหน้าที่รู้ที่ สัญญา    ๔.วิญญาณจะทำหน้าที่ รู้ที่ สังขาร

๑. วิญญาณ  รู้ที่รูป  คือ   รู้ รู้เย็น, ร้อน,  อ่อน,  แข็ง,  รู้ธาตุทั้ง๔  ดิน,  น้ำ,  ไฟ,  ลม, ( รู้  ของแข็ง,  ของเหลว, ก๊าซ,  พลังงาน, )
๒. วิญญาณรู้เวทนา  คือ รู้ว่าสุข     รู้ว่าทุกข์     รู้อุเบกขาเมื่อสภาวะจิตเป็นกลางๆ
๓. วิญญาณรู้สัญญา  คือ     รู้สิ่งที่จำได้หมายรู้       รู้ความทรงจำ
๔. วิญญาณรู้สังขาร   คือ    รู้สิ่งนึกคิด  รู้การนึกคิดปรุงแต่ง   รู้สิ่งนึกคิดปรุงแต่งทั้งหลาย

รูป,    เวทนา,    สัญญา,    สังขาร,    เป็นนานาภาวะ เป็นที่ตั้งเป็นที่อยู่ของวิญญาณ   วิญญาณเวียนรู้อยู่เพียงสี่ที่เท่านี้  รู้แล้วก็ดับ  รู้แล้วก็ดับ             รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร,วิญญาณ เป็นสมุทัย   เหตุเกิดแห่งทุกข์ ปฏิจจสมุปบาท  (สายเกิด)     ขันธ์ทั้ง๕  มี           รูป  เวทนา  สัญญา  สัขาร  วิญญาณ เมื่อรวมกันแล้วจะ เป็น สรรพภาวะ   
เมื่อละวาง  ขันธ์ทั้ง ๕ ได้แล้ว   จิตย่อมหลุดพ้นแล้วด้วยดี   จิตเป็นนิโรธความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ปฏิจจสมุปบาท  (สายดับ)      นิพพาน         

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

พุทธวจน คือ แก่นแท้พระธรรม คำของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกของโลก      พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของชาวพุทธทั้งหลาย ชาวพุทธทั้งหลายต้องศรัทธา  เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า  เป็นอันดับหนึ่งเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งที่ระลึก  เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้า  เป็นสัจธรรมความจริง มีเหตุมีผล แบบเดียวกันกับหลักวิทยาศาสตร์  สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสบ่อย ปฏิบัติบ่อย  เราควรปฏิบัติตามก่อน เพราะเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้ปฏิบัติตามย่อมเกิดผลดีแก่ตนแน่นอน ท่านทั้งหลายจะพ้นทุกข์ และ มีสุขแท้จริง   พุทธศาสนาบอกสัจธรรมความจริงของธรรมชาติ  และพุทธศาสนาก็บอกวิธีปฏิบัติ เพื่อให้นำความรู้จากความจริงมาใช้ประโยชน์  
    
     พระพุทธเจ้าสวด สาธยายบ่อยๆ คือ กฏอิทัปปัจจยตา... เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้ย่อมมี..  เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น..  เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี...เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป..              และ  บทสวด ปฏิจสมุปบาท (สายเกิด ) สมุทัย....    ปฏิจสมุปบาท ( สายดับ ) นิโรธ    และ การรู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก เรียกว่าอานาปานสติ  ผู้ทำบ่อยปฏิบัติบ่อยๆ พ้นทุกข์ได้จริง 

พระส่วนใหญ่ ไม่สนใจคำสอนแท้ แท้ ของพระพุทธเจ้า

|| รูปพุทธวจน ||  varjana  ||  รูปพุทธวจน๒  || ||  รวม VDOพุทธวจน ||  || เครือข่ายพุทธวจน  ||  สู่ นิพพาน  ||                                                                    
พุทธวจน เสียง || อานาปานสติ ||รวมพุทธวจน||รวมสื่อพุทธวจน ๖oVDO||พุทธวจนปฐมธรรม||ฟังพุทธวจนออนไลน์||พุทธวจน ๒ooVDO||พุทธวจน ๖๙VDO||พุทวจนถ่ายทอดสด ||พุทธวจน อธิบาย||พุทธวจนYoutube|| พุทธวจน TV || พุทธวจน หนังสือ ||การดูลมหายใจ||พุทธวจน เสียงอ่าน||

สิ่งที่ควรรู้ที่สุด  คือ รู้อริยะสัตย์๔ รู้นี้คือทุกข์   นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์   นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์    นี้เป็นข้ อปฏิบัติทางดำเนินให้ดับไม่เหลือแห่งทุกข์    นี้เรียกว่า  สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูกต้อง
 
    อริยะสัจ๔ คือ  ทุกข์,   สมุทัย,   นิโรธ,   มรรค
ทุกข์ คือ  การไม่สะบายกาย ไม่สะบายใจ การแตกสลายไป      การดับไป 
สมุทัย คือ    เหตุแห่งการเกิด ทุกข์ มี  รูป,  เวทนา,  สัญญา, สังขาร,  วิญญาณ,     ขรรค์ ๕นี้

นิโรธ คือ    การดับทุกข์ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
มรรค คือ    ทางแห่งการดับทุกข์   การดับไปสิ้นไปของรูป    การดับไปสิ้นไปของเวทนา 
 การดับไปสิ้นไปของสัญญา   การดับไปสิ้นไปของสังขาร  การดับไปสิ้นไปของวิญญาณ   ขรรค์๕ ดับสิ้นไป

พุทธสาสนาบอกสัจธรรมความจริง   ปฏิจจสมุปบาท (สายเกิด)  สมุทัย เหตุแห่งการเกิดทุกข์
ปฏิจจจสมุปบาท  แปลว่า  ธรรมชาติที่อาศัยกันแล้วเกิดขึ้น

เพราะมีอวิชาเป็นปัจจัย   จึงมีสังขารทั้งหลาย
 (สังขารทั้งหลาย คือ รูป, เวทนา,  สัญญา, สังขาร, วิญญาณ, ขรรค์ทั้งห้านี้)
เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย         จึงมีวิญญาณ
เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย     จึงมีนามรูป
เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย         จึงมีสฬายนะ
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย   จึงมีผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย           จึงมีเวทนา
เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย          จึงมีตัณหา
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย         จึงมีอุปาทาน
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย      จึงมีภพ
เพราะมีภพเป็นปัจจัย               จึงมีชาติ
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย          ชรามรณะ 
โสกะปริเทวะทุกขะ โทมนัสอุปายาสะทั้งหลาย
 จึงเกิดขึ้นครบถ้วน

    พุทศาสนา บอกสัจธรรมความจริง
ปฏิจจสมุปบาท  (สายดับ)    นิโรธ ความดับไม่เหลือแห่ง ทุกข์       
เพราะมีความดับแห่ง สังขาร             จึงมีความดับแห่ง วิญญาณ
เพราะมีความดับแห่ง วิญญาณ     จึงมีความดับแห่ง นามรูป
เพราะมีความดับแห่ง นามรูป         จึงมีความดับแห่ง สฬายตนะ
เพราะมีความดับแห่ง สฬายตนะ   จึงมีความดับแห่ง ผัสสะ
เพราะมีความดับแห่ง ผัสสะ           จึงมีความดับแห่ง เวทนา
เพราะมีความดับแห่ง เวทนา          จึงมีความดับแห่ง ตัณหา
เพราะมีความดับแห่ง ตัณหา         จึงมีความดับแห่ง อุปาทาน
เพราะมีความดับแห่ง อุปาทาน      จึงมีความดับแห่ง ภพ
เพราะมีความดับแห่ง  ภพ              จึงมีความดับแห่ง ชาติ
เพราะมีความดับแห่ง ชาติ นั่นแล
ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัส อุปายาสะ ทั้งหลาย
จึงดับสิ้น ความดับลงแห่งกองทุกทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้

พุทธวจน ๒

พุทธวจน ดับกิเลสสิ้น



ปฏิจจสมุปบาท

พุทธวจน อธิบายสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา



อริยสัตย์  ๔
หลักการพุทธศาสนา
พุทธวจน +มรรค๘


แก่นแท้ พระธรรม